บทที่ ๖
แซ่ตงในประเทศไทย
ทั้งนี้อาศัยคำนวณจากการเดินทางมาอยู่จังหวัดสกลนครของ ตงซีกิว เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๔๕ หักอายุตอนอยู่เมื่องจีน 20 ปี และหักจากการเข้ามาทำงานกรุงเทพ อีก ๑ ปี เท่ากับประมาณ พ.ศ.๒๔๒๔ ถึง พ.ศ.๒๔๓๐ และคำนวณจากปีเกิดลูกชายคนแรก คือ ตงเค่งล่ง (ลุงวิสุทธิ์ ตงศิริ) ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๔๔๙ และมี ปีเกิดของ ตงเค่งพ่ง (ลุงนิล จงเจริญ) ปี พ.ศ.๒๔๕๑
จากเอกสารที่รวบรวมจากสายบุรัรัมภ์ ซึ่ง ดร.กฤษดา แสวงดี ตงศิริ ค้นคว้าไว้เล่าว่า ก๋ง ตงเค่งลี่ เดินทางมาจากใหหลำ ไปแวะทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ แล้วตามญาติเข้ามาเมืองไทยที่จังหวัดบุรีรัมภ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๕ ดังนั้น แต๊ตง คนแรกสุดที่เข้ามาสยามประเทศ ต้องมีอายุ ๑๕๐ ปี
จากหนังสือประวัติของ ตงเค่งพ่ง (นิล จงเจริญ) และจากคำบอกเล่าของ ตงกวงอิ้ว (ชาญยุทธ ตงศิริ ) บ้านโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี (ปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๔ อายุ ๘๗ ปี) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมาเมืองไทยของบรรพบุรุษ แซ่ตง ดังนี้
กลุ่มที่ ๑ ตงซีกิว จีนไหหลำคนแรกที่มาสร้างตำนานในจังหวัดสกลนคร
ตงซีคี น้องชาย ตงซีกิว จีนไหหลำคนแรกที่สร้างตำนานในอำเภอนาแก นครพนม
ตงซีคิ่ว น้องชาย คนที่สองของ ตงซีกิว ที่ร่วมทางไปสร้างตำนานที่ อ.นาแก นครพนม
กลุ่มที่ ๒ ตงเค่งเหียน ตงเค่งลี่ ตงเค่งจี้
ทั้งสามท่านได้เดินทางจากเกาะให่หนาน หรือที่คนไทยออกเสียงเรียกว่า ใหหลำ เนื่องจากเกิดความวุ่นวายมีโจรผู้ร้ายโจรปล้นสดมภ์ในเมืองบวั่นเซียวกวย ทั้งสามท่านจึงลงเรือโดยสารมาลงที่สิงคโปร์ ก่อน ได้ทำการค้าขายหลายปีแล้วเดินทางมาเยี่ยมญาติที่บุรีรัมภ์ แต่งงานกับนางลอย และมีลูกหลานสืบสกุล เป็นผู้ใหญ่ที่มีบทบาททางการค้าและสังคมหลายท่าน อาทิ ตงกวงเต็ง ตงกวงตุ่น สายบุรีรัมภ์ พุทไธสงค์ ขอนแก่น
ครั้งแรกประกอบอาชีพเปิดร้านขายกาแฟ ขายก๊วยเตี๋ยว อยู่ประมาณ ๑๐ ปี หลังจากนั้นได้สังเกตดูว่าที่บุรีรัมภ์มีป่าไม้มากและการตัดไม้ไม่ได้มีการเสียภาษี จึงได้หาเลื่อยแบบสองคนดึงกลับไปมา (เรียกว่าเลื่อยแม่มาน) จากไหหลำมาจ้างชาวบ้านเลื่อยไม้ขาย เวลาจะขายก็กองไว้ริมถนน
ต่อมาทั้งสามท่านทราบข่าวว่า ที่จังหวัดชลบุรีมีโรงเลื่อยไม้เจ้าของเป็นฝรั่งชาวเยอรมัน จึงเดินทางไปสอบถามว่ามีโรงเลื่อยขนาดเล็ก 2 แรงม้าหรือไม่ ฝรั่งบอกว่ามีเลยติดต่อขอซื้อเครื่องขนาดเล็กมาติดตั้ง ประกอบกับพนักงานส่วนมากเป็นจีนไหหลำ จึงมีการถ่ายทอดวิชาการเลื่อยไม้ให้กัน
โรงเลื่อยไม้โรงแรกชื่อว่า เอี๊ยะเฮงเส็ง ต่อมาขยายกิจการไปตั้งอยู่ที่ชุมทางรถไฟจีระ อำเภอบ้านไผ่ บ้านหนองแหน ขอนแก่นและอื่น รวม ๕ โรง ทั้งนี้กิจการเลื่อยไม้ได้ขยายไปในหมู่ญาติพี่น้องหลายคนก็เข้าร่วมงานกันด้วย
การดำเนินกิจการโรงเลื่อยไม้ครั้งแรกอาศัยช่างจีนจากเกาะใหหลำมาสอนพนักงานคนไทย ซึ่งก็คือ ญาติพี่น้องลูกหลานนั่นเอง
ตงกวงอิ้ว เล่าให้ฟังเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ขณะที่ท่านพาไปดูอาคารโรงเลื่อยศิริวัฒน์เก่าที่อำเภอโนนสะอาด อุดรธานีว่า ตงกวงอิ้วเอง ก็ได้ศึกษาการทำบัญชีและการตัดซอยไม้ เรียกว่า นายม้า ที่นี่เหมือนกัน ตอนนั้นได้เดือนหนึ่ง ๓๐๐ บาท (ก๊วยเตี๋ยวราว ๆ ๒-๓ สตางค์)
ตอนหลัง ก๋งตงเค่งลี่ ขึ้นเงินเดือนให้ลูกหลานทันทีอย่างมากมาย ตงกวงอิ้วได้เพิ่มเงินเดือน ตอนเป็นผู้จัดการโรงไม้ศิริวัฒน์ถึง ๓๕๐๐ บาท และเจ๊พิกุลเป็นแม่บ้านใหญ่ดูแลทุกอย่าง ทำอาหารการกินข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูพนักงานทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ตลอด ๒๔ ชั่วโมง บางคนพ่อแม่ตายไป เจ๊พิกุลต้องเลี้ยงดูเด็กเหล่านั้น กลายเป็นสถานเลี้ยงเด็ก คราวละ ๗ - ๘ คน
(ข้อมูลตรงนี้ ขออนุญาตรบกวนญาติพี่น้องสายบุรีรัมภ์ทุกท่าน ช่วยวิเคราะห์ปรับแก้ให้ด้วย เนื่องจากไม่มีโอกาสไปสอบถามด้วยตนเอง มัวแต่เข้าป่านั่งกรรมฐาน )
กลุ่มที่ ๓ ตงเค่งผัง (พี่ชาย) ตงเค่งเสียง(เซี้ยง น้องชาย) ตงเค่งผวน
ทั้งสองท่านต่างเป็นเครือญาติลูกพี่ลูกน้องกับคณะที่สอง ได้ตามมาอาศัยอยู่ด้วยกันที่บุรีรัมภ์ก่อน พอหาช่องทางทำมาค้าขายได้แล้ว จึงได้แยกมาทำอยู่ที่อำเภอพุทไธสงค์ และอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ครั้งแรกประกอบอาชีพค้าขายสินค้าเบ็ดเตล็ดเล็กๆน้อยๆ และขยายมาเป็นธุรกิจเหล้าสาโทใส่ไหเหมือนอยู่ที่อำเภอเรณูนคร หรือสินค้าโอท้อปเหมือนทุกวันนี้
สาแหรกของ ตงเค่งผัง
ตงเค่งผัง แต่งงานกับนางหล่าย คนบ้านเตย มีบุตรชาย – หญิง ดังนี้
๑.นางปาน แต่งงานกับนายเส็ง จีนแคะ
๒.นางเปะ แต่งงานกับนายฮุ่ยเส็ง อยู่อำเภอพุทไธสงค์ จังหวัดบุรีรัมภ์
๓.ตงกวงเต็ง แต่งงานครั้งที่หนึ่งกับนางตา ภูมิชัย มีบุตร ๑ คน คือนายเก่ง
แต่งงานครั้งที่สองกับนางพัน ภาสะธิติมีลูกสองคนได้แก่ อุไรและประไพ
แต่งงานครั้งที่สามกับนางเจียมจิต มีบุตรสามคน ได้แก่ ประสิทธิ์ วิเชียร และยี่หลั่น
ตงกวงเต็งได้เป็นผู้พา ตงกวงอิ้ว ไปเกาะไหหลำ และได้แต่งงานกับสาวจีนไหหลำพาภรรยากลับมาเมืองไทย มีลูก สามคน ได้แก่ นายประสิทธิ์ ตงศิริ (เฮง) นายสะอาด ตงศิริ (หยี) นายวิเชียร ตงศิริ (อ่าง)
๔.ตงกวงตุ่น แต่งงานกับนางทองดี แซ่คู
ตงกวงตุ่นเป็นผู้มอบที่ดินจำนวนประมาณ ๕๐ ไร่ ให้รัฐบาลเพื่อสร้างโรงเรียน จึงมีโรงเรียนตงศิริราษฎรอนุสรณ์ ที่จังหวัดบุรีรัมภ์
ทั้งสองมีบุตรชาย – หญิง ดังนี้
๔.๑ นายวินิจ ตงศิริ (ตงฮีนเหม่ง)
๔.๒ นายวินัย ตงศิริ (ตงฮีนเซ็ง)
๔.๓ นายวิชัย ตงศิริ (ตงฮีนส่วน)
๔.๔ นางปทุม (เสียชีวิตอยู่ที่ไหหลำ)
๔.๕ นางพวงเพชร สมรสกับนายกิตติ วงศ์โกวิท อยู่ ขอนแก่น ,กทม.
๔.๖ นางมาลัย
๔.๗ นางพิกุล สมรสกับนายวุฒิเยาวภา
๔.๘ นางผกา สมรสกับนายอาทร ปิตะธวัชชัย
๔.๙ นางลัดดา (ศศิธร) สมรสกับพลเอกอายุพูล กรรณสูตร
(ทุกท่านดังรายนาม บางท่านมีรูปถ่าย บางท่านหาไม่ได้เลย รบกวนลูกหลานทุกท่านช่วยกันโพสรูปลงให้ด้วย)
สาแหรกของ ตงเค่งเสียง
ตงเค่งเสียง มีภรรยาที่เมืองจีนแล้ว ๑ คน แต่ไม่มีลูก ตอนที่ตงกวงอิ้วลูกจากแม่เมืองไทยไปอยู่ที่เมืองจีนเกาะไหหลำได้ไปอยู่กับแม่เมืองจีน ที่เมืองไทย ตงเค่งเสียงได้แต่งงานกับยายทิม (คนอำเภอชนบทแต่ไปอยู่อำเภอพุทไธสงค์) ค้าขายน้ำชากาแฟ ของเบ็ดเตล็ด มีบุตรชายหญิง ดังนี้
ตงกวงมุ่ย ในวัยหนุ่ม |
๑. ตงกวงมุ่ย อยู่อำเภอบ้านไผ่ ร้านบ้านไผ่บุ๊คสโตร์ แต่งงานกับนางสายบัว เป็นสาวจีนเกิดในเมืองไทยแต่ไปอยู่ที่เกาะไหหลำ ๕ ปี กลับมาตอนอายุ ๒๐ ปี
๒. นางเพ็ญศรี ตงศิริ (อยู่ กทม.) แต่งงานกับนายเชิด หรือ เชษฐ์ โคตรวิชัย
๓. ตงกวงอิ้ว (นายชาญยุทธ ตงศิริ) อยู่บ้านโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เรียนชั้น ป.๒ ที่เมืองไทยไม่จบ อายุ ๘ ขวบถูกส่งไปเมืองจีน เกาะไหหลำ ๒ ปี โดยได้พี่ชาย ตงกวงเต็ง และพี่สะใภ้นางทองดี ภรรยา ตงกวงตุ่น พาไปไหหลำ ตงกวงอิ้วแต่งงานกับนางกิมบ่วย แซ่ลิ้ม มีบุตรชาย – หญิง ๔ คน ได้แก่
๓.๑ นายชาญชัย ตงศิริ (เหียนต๋ง)
๓.๒ นางศิริกุล ตงศิริ (หยี)
๓.๓ นางศิริพร ตงศิริ (ตุ๊) ทำงานอยู่ศูนย์วิจัยสัตว์จังหวัดกบิลบุรี
๓.๔ นายชาญศักด์ ตงศิริ (ต๊ะ) ทำงานอยู่บริษัทบางกอกแอร์เวย์ เกาะสมุย
๔. นางรัตนา ตงศิริ แต่งงานกับนายประกอบ ศิลปสิทธิ์ อยู่จังหวัดหนองคาย
๕. นายมานิจ ตงศิริ (ตงกวงเต้น) อยู่บ้านโนนสะอาด กับตงกวงอิ้ว ครั้งแรกที่ผู้บันทึกไปกราบคารวะท่านยังได้พูดคุยกันอยู่ ไปเยี่ยมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ ท่านเสียชีวิตแล้ว
![]() |
จากซ้าย วินัย วินิจ ชาญยุทธ
แต่งชุดนักเรียนถ่ายที่ไหหลำ |
หมายเหตุ
ตงเค่งเซ็ง ไปอยู่ที่ไหหลำตั้งแต่อายุ ๑๔ ปีอยู่นานจนพูดภาษาไทยติดขัด ตงกวงอิ้ว (ชาญยุทธ ตงศิริ) ตงฮีนเหม่ง (วินิจ ตงศิริ) ตงฮีนเซ็ง (วินัย ตงศิริ) ทั้งสามคนถูกส่งไปไหหลำ ตอนนั้น ตงกวงอิ้วอายุ ๘ ขวบ ตงฮีนเหม่ง กับ ตงฮีนเซ็ง อายุ ๑๒ และ ๑๓ ปีตามลำดับ
ตงเค่งเซ็งทราบข่าวว่ามีญาติมาจากเมืองไทย จึงได้มาพบเพื่อสอบถามข่าวคราวจากทางเมืองไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสี่ท่านจึงสนิทสนมกันมากไปไหนไปด้วยกัน และสร้างวีรกรรมไว้มากมายหลากหลายอย่างเป็นที่ประทับใจไม่รู้ลืม เอาไว้ว่าง ๆ จะเล่าให้ฟัง สนุกดีมาก
ตงเค่งเซ็งทราบข่าวว่ามีญาติมาจากเมืองไทย จึงได้มาพบเพื่อสอบถามข่าวคราวจากทางเมืองไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสี่ท่านจึงสนิทสนมกันมากไปไหนไปด้วยกัน และสร้างวีรกรรมไว้มากมายหลากหลายอย่างเป็นที่ประทับใจไม่รู้ลืม เอาไว้ว่าง ๆ จะเล่าให้ฟัง สนุกดีมาก
กลุ่มที่ ๔ ตงเค่งหล่วน
ตงเค่งหล่วน (ชื่อไทยว่า นายล้วนเค่ง) เป็นกลุ่มที่สี่ที่ได้ตามญาติจากไหหลำมาเมืองไทยอยู่ที่หินดาด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สาเหตุที่หนีจากไหหลำมาเพราะหนีพวก ตั่วเหนี่ยว แปลว่า แมวป่า หมายถึงพวกโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งจะจับคนไปเรียกค่าไถ่ ปล้นฆ่า
ตงเค่งล่วนแต่งงานกับนางกิมกุ่ย แซ่อุย คนจังหวัดนครสวรรค์ แต่มาทำงานที่หินดาด มีบุตรชาย – หญิง ดังนี้
๑.เป็นชาย เสียชีวิตแต่เด็ก
๒.นายดำริ ตงศิริ (ตงกวงเฮน หรือ ตงกวงเทียน)
๓.นางเพลินตา สร้อยสวัสดิ์ อยู่ที่อำเภอภูเวียง
๔.นายวิชิต ตงศิริ (เสียชีวิต) ๕.นายวัชร์ ตงศิริ เป็นทนายความอยู่ กทม. (ในเฟสบุ๊คใช้ชื่อว่า Vat Tongsiri)
๖.นส.สุนทรี ตงศิริ อยู่ที่โนนสะอาด อุดรธานี
๗.นส.เสาวณีย์ ตงศิริ อยู่ที่ภูเวียงกับพี่สาว
๘.นางสาวพัชรินทร์ ตงศิริ ทำงานอยู่โรงงานเบียร์ช้าง
นางกิมบ่วยกับนายชาญชัย ตงศิริ (เหียนต๋ง)
ภรรยาและบุตรชายคนโตของ ตงกวงอิ้ว
|
ตงกวงอิ้ว หรือ ชาญยุทธ ในวัยหนุ่ม |