ศักดิ์ตระกูล
เปิดตำนานเมื่อวานไกล จะให้รู้เรื่องหนหลัง
ได้ยินและได้ฟัง จากปากคำเตี่ยเล่าขาน
แซ่ตงนั้นเป็นใคร จะสดับเป็นตำนาน
บันทึกนี้จากเหตุการณ์ เหมือนเมื่อวานเพิ่งผ่านไป
ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกแซ่ตงนี้เป็นพวกเชื้อเจ้าจากเกาะไหหลำหรือเปล่า หรือเป็นประเพณีของคนจีนที่ต้องลำดับชั้นยศหรือรุ่นเหมือนนิยายจีนกำลังภายใน แต่เรื่องที่จะเล่าบัดนี้ไปเป็นบันทึกจากตำนานที่ข้าจดบันทึกไว้จากปากคำของเด ตงเค่งเซ็ง นักสู้ที่เป็นตำนานให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา โปรดทำจิตให้ว่างเพราะต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้รู้เห็นเรื่องนี้จากที่ใดมาก่อนเลย….
ราวช่วงปิดเทอมใหญ่ เดือน เมษายน พ.ศ.2526 หลังจากเรียนจบ ปวส.แผนกช่างกลโลหะ วิทยาลัยเทคนิคนครพนมแล้ว ได้กลับมาอยู่บ้านที่อำเภอนาแกเพื่อรอเวลาเปิดเทอมใหม่จะได้ไปเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกา วิทยาเขตเทคนิคขอนแก่น เนื่องจากได้รับทุนของกรมอาชีวศึกษามาเรียนประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยมช่างอุตสาหกรรม (ปม.อ)ที่จังหวัดขอนแก่น
ช่วงว่างนี้เกิดความสงสัยประวัติความเป็นมาของตระกูล ตงศิริ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร จึงได้ถามอาเด ตงเค่งเซ็ง เรื่องประวัติญาติทางฝ่ายเด ท่านได้เล่าให้ฟังไว้เยอะแยะมากมาย ซึ่งก็ได้จดบันทึกไว้ คิดว่าละเอียดพอสมควรอยู่ จึงได้บันทึกไว้เตือนความจำ แต่อาจเขียนสับสนไปบ้าง เพราะตอนฟังอาจลำดับขั้นไม่ได้ดี
อาเดตงเค่งเซ็ง เล่าว่า ต้นตระกูลคนแรกสุดที่ตั้งเป็น แซ่ตง นั้นอยู่ที่เกาะไหหลำ จีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ บวั้นเต็งโต่ว (นาย บวั้นเต็ง โต่ว แปลว่า ทวด แปลว่า ทวดบวั้นเต็ง ) อยู่ที่หมู่บ้านตามที่ชาวบ้านเรียกว่า กงูละหุยหรือกะตุ่ยโผซุย หรือ โกตุ่ยโผซุย (กะตุ่ยหรือโกตุ่ย แปลว่า นกเขา โผแปลว่า เนินหรือโคก ซุย แปลว่า หมู่บ้าน รวมกันว่า หมู่บ้านเนินนกเขา) ต่อมาเปลี่ยนเป็น บุ่นสิวโพซุย หรือ บุ่นติวโพซุย ใช้เรียกในภาษาราชการ
บวั้นเต็งมีลูกอยู่ 4 คน ภาษาจีนไหหนำเรียกว่า ตี๋บ่าง และตี๋บ่างนี้เองเป็นผู้ทำให้เกิดเผ่าพันธ์เพิ่มขึ้นตามลำดับศักดิ์ตระกูล สำนวนไทยว่า ศักดิ์ ตี๋บ่างคนที่ 1,2,3,4 ไม่อาจรู้ชื่อได้ รู้แต่ว่าเชื้อสายของ แซ่ตงอยู่อำเภอนาแก เป็นลูกของตี๋บ่างคนที่ 4 ที่สืบทอดกันมาตามลำดับ
ในธรรมเนียมจีนจะถือผู้ชายเป็นใหญ่ ลูกผู้หญิงที่เกิดจะไม่นับเพราะแต่งงานออกไปจากครอบครัวเดิมแล้ว ดังนั้นรุ่นหรือลำดับโคตรต่อไปนี้จึงเป็นเฉพาะของผู้ชายเท่านั้น แต่หญิงก็เป็นรุ่นได้เหมือนกัน
ลำดับชั้นศักดิ์ตระกูล
จากคำบอกเล่าของ ตงเค่งเซ็ง และที่ตรวจสอบกับเอกสารคำบอกเล่าของ ตงกวงมุ่ย และจากการสอบถามกับ ตงกวงอิ้ว ทั้ง 3 ท่านสรุปตรงกันว่ามี 10 ชั้น ดังนี้
1.บวั้น
2.โห่ง
3.เต็ง
4.เย็ก
5.สิ หรือ ซี
6.เค่ง
7.กวง
8.หีน หรือ ฮีน
9.เสี่ยน
10.เงี๊ยบ
หมายเหตุ
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ถึง วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ ได้มีโอกาสไปที่หมู่บ้าน แซ่ตง คือ หมู่บ้านบุ่นสิวโพซุย เกาะใหหนำ ได้สอบถามญาติแซ่ตง ท่านหนึ่งซึ่งเก็บหลักฐานเอกสารลำดับศักดิ์ตระกูลไว้ จาก อาเดของท่าน ชื่อว่า ตงกวงซ่าน ท่านได้ลำดับศักดิ์ไว้เหมือนกันกับที่ข้างบน (ตงเป็นแซ่ กวง เป็นศักดิ์หมายถึงแสงสว่าง เจิดจ้า ซ่านเป็นชื่อ มีศักดิ์เท่ากับผู้เขียน แต่อายุท่านประมาณ ๖๘ ปี)
ส่วนคำถามที่ว่าจะมีศักดิ์ชั้นที่ ๑๑ เมื่อไหร่นั้น ท่านบอกว่า ต้องรอให้มีจำนวนของลูกหลานมากขึ้นก่อน และต้องรอให้นักปราชณ์ที่มีความรู้ทางภาษาดี มาตั้งให้เพื่อความเป็นสิริมงคล
สำหรับเรื่องศักดิ์ตระกูลนี้ ท่านอารีย์ ภู่สมบุญ ซึ่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์ถาวรตระกูลฝู่ใหหนำสากล อุปนายกสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย ซึ่งเมตตาพาคณะผู้เขียนไปหาญาติที่หมู่บ้านบุ่นสิวโพสุย บ้านแซ่ตง ที่ใหหนำ ท่านได้ให้ความเห็นว่า ศักดิ์ของตระกูลนี้ จะตั้งเป็นอักษรจีนเป็นชุดๆ ละ ๕ คำ เมื่อจะตั้งเพิ่มเติมก็ตั้งครั้งละ ๕ คำเหมือนกัน และต้องให้นักปราชณ์ที่รู้ภาษามาตั้งให้ และยังเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายราชการด้วย
การเรียกชื่อและความหมาย
การเรียกชื่อในภาษาจีนนั้นเป็นเสน่ห์มาก เพราะบอกแซ่ ชั้นยศ และชื่อ ไว้ในคราวเดียวกัน ขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้
ตงบวั้นเต็ง หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ บวั้น ชื่อเต็ง
ก๋งทวดท่านนี้เป็นต้นตระกูลแซ่ตงอยู่ที่เกาะไหหนำ หรือ ไห่หนาน
ตงสิกิ่ว หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ สิ (ซี) ชื่อ กิ่ว
ตงสิคี หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ สิ (ซี) ชื่อ คี
ตงสิคิ่ว หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ สิ (ซี) ชื่อ คิ่ว
ตงเค่งคัง หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ เค่ง ชื่อ คัง
ตงเค่งผวน หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ เค่งชื่อ ผวน
ตงเค่งเซ็ง หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ เค่ง ชื่อ เซ็ง
ตงกวงมุ่ย หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ กวง ชื่อ มุ่ย
ตงกวงอิ้ว หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ กวง ชื่อ อิ้ว
ตงกวงตุ่ย หมายถึง แซ่ตง ชั้นยศ กวง ชื่อ ตุ่ย
ความสำคัญของศักดิ์ตระกูล
ชั้นยศมีความสำคัญมาก นอกจากจะใช้บอกลำดับความเป็นมาและศักดิ์ฐานะของตนเองแล้ว ยังหมายถึง ความกตัญญูและการลดอัตตาตัวตนลงไปด้วย ซึ่งขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมจีนนั้น จะถืออาวุโส ความกตัญญูและบรรพบุรุษอย่างยิ่ง หากใครทำไม่ดีเสียหายต่อวงศ์ตระกูลแล้วจะเกิดความอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง และ เรื่องนี้ขอยกตัวอย่างเท่าที่ได้ยินและได้พบเจอด้วยตนเองมาดังนี้
1. อาเด ตงเค่งเซ็ง เล่าว่า ที่หมู่บ้านบวั่นติวโพ ตอนนั้น หรือ บุ่นสิวโพสุย ในปัจจุบัน ตงเค่งเซ็ง ได้ไปอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว มีคนแก่อายุมาก ผมหงอกเต็มหัวแต่มีศักดิ์ต่ำกว่า ได้พูดจามีกิริยาไม่แสดงความเคารพต่อเด็กน้อยอายุ 1-2ขวบ แต่มีชั้นยศสูง กว่า ผู้เฒ่าผู้แก่อาสุโสประจำหมู่บ้านได้เรียกคนแก่คนนั้นไปตักเตือนว่ากล่าว
2.เมื่อคราวที่นายประสิทธิ์ ตงศิริ ลูกชายของ ตงกวงเต็ง เสียชีวิตที่จังหวัดขอนแก่น ได้จัดงานศพที่วัดป่าหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนนั้นน่าจะราวปี 2525 -2526 ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานศพแทนเด ตงเค่งเซ็ง หลังจากงานเสร็จได้พากันไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารกลางบึงแก่นนคร ผมได้นั่งที่ท้ายโต๊ะอาหารซึ่งมีการรวมญาติประมาณ 30 ท่าน รู้จักกันบ้างไม่รู้จักบ้าง มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งอายุตอนนั้นน่าจะมากกว่า 60 ปี ได้มายืนข้างหลังจับไหล่กระผมทั้งสองข้าง แล้วประกาศให้ทั้งโต๊ะทราบว่า คนนี้เป็นน้องชาย ชื่อ วรวิทย์ เป็นญาติทางฝ่ายพ่อ มาจากอำเภอนาแก
ตอนนั้นผมรู้สึกแปลกใจมากว่า ท่านทำไมเรียกผมว่าเป็นน้องชายทั้งที่ ลูกชายลูกสาวของท่านก็มีอายุมากกว่าผมตั้งหลายคน มาทราบความจริงทีหลังจากปากของ ตงเค่งเซ็ง ว่า ท่านผู้นั้นมีชื่อว่า วินิจ และคุ้นเคยกับเดผมอย่างมาก เพราะได้ไปทำวีรกรรมที่หมู่บ้านบวั้นติวโพด้วยกัน จึงสนิทสนมกันมาก(จะเล่าให้ฟังตอนหลัง) และให้ความสำคัญกับลำดับชั้นศักดิ์ยศเหมือนธรรมเนียมจีนใหหนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งสมควรนำไปเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป
ตงกวงอิ้ว หรือนายชาญยุทธ ตงศิริ
บ้านโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
ผู้ให้ข้อมูลนับถึงปี 2553 นี้ มีอายุย่างเข้า 87 ปี