วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บทที่ ๔ ตงซีกิว แซ่ตงสายสกลนคร

    แซ่ตงทางเขตอิสานเหนือต้องเริ่มต้นที่สกลนคร
และเป็นบุญของลูกหลานแซ่ตงสายสกลนครและอำเภอนาแกอย่างยิ่ง เมื่อบรรพบุรุษที่มีบารมีมาก ต่อสู้เสียสละยอมอดทนต่อความยากลำบากเพื่อชนรุ่นหลัง เสี่ยงชีวิตไปค้ากำปั้นเอาข้างหน้าอย่างไม่หวาดเกรงอุปสรรคใด ๆ เข้ามาเมืองไทยที่สกลนครเริ่มแรก ท่านผู้นั้นคือ ตงซีกิว  

ตงซีกิวและย่าทวดนางเปะ ศรีนครินทร์
    ข้อมูลจากหนังสือประวัติของก๋งนิล จงเจริญ ลูกชายของตงซีกิว เนื่องในโอกาสครบรอบอายุ   96  ปี  เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553 รวบรวมประวัติโดยคุณประสาท ตงศิริ ร้านศิริยนต์วัฒนาสกลนคร ว่า 
          ตงซีกิว เกิดที่หมู่บ้านโกตุ่ย หรือกะตุ่ยโพซุย หรือทางราชการเรียกว่า บวั้นติวโพซุย   อำเภอบวั่นเซียวกวย เมืองไหค่าว  มณฑลไหหลำ  ฐานะของทางครอบครัวมีอาชีพทำนาปลูกข้าว ปลุกมันเทศ ปลูกผัก 
          ตงซีกิวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่ออายุประมาณ 20 ปี  สาเหตุที่เข้ามาเพราะครอบครัวมีฐานะยากจน  และอาจจะเกิดความแห้งแล้งลำบากของภูมิประเทศ หรือการคอรัปชั่นของราชวงศ์ชิง  การเก็บภาษีเพาะปลูกในที่ดินที่เอาเปรียบ และการเพิ่มขึ้นของพลเมืองในประเทศจีนเอง
        ข้อสันนิฐานนี้มาจากข้อมูลใน  http://1490300694.212cafe.com/archive/2010-02-25/3104  พูดถึงจำนวนประชากรชาวจีนและสาเหตุของการอพยพเข้ามาประเทศไทยว่า  
                โดยเริ่มมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยชาวจีนเริ่มเดินเรือสำเภามาค้าขายในดินแดนสุวรรณภูมิตั้งแต่ก่อนสมัยอาณาจักรสุโขทัย แต่หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือ เมื่อชาวจีนมาสอนการทำเครื่องถ้วยชาม โดยเฉพาะเครื่องสังคโลก
          แต่ชาวจีนมามีบทบาทค่อนข้างช่วง สมัย กรุงธนบุรีเมื่อครั้นเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2310 - พ.ศ. 2312ขุนพลไทยนาม สิน ซึ่งมีบิดาเป็นคนจีน และมารดานาม นกเอี้ยง ซึ่งเป็นชาวสยาม ได้ใช้สถานการณ์ที่ได้เปรียบนี้ทำให้สามารถกอบกู้เอกราชให้สยามได้สำเร็จ ขุนพลท่านนั้นต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี หรือที่ชาวจีนขนามนามว่า แต้อ๊วง ด้วยความที่ว่าบิดาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นคนจีน
           เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ชาวจีนแต้จิ๋วได้เข้ามาทำการค้า และอพยพมายังกรุงธนบุรีเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชากรชาวจีนโพ้นทะเลในไทย เพิ่มขึ้นจาก 230,000 คนใน พ.ศ. 2368 เป็น 792,000 คนใน พ.ศ. 2453 และใน พ.ศ. 2475 ประชากรไทยถึง 12.2% เป็นชาวจีนโพ้นทะเล

       การคอรัปชั่น ในรัฐบาลราชวงศ์ชิง และการเพิ่มขึ้นของประชากรในประเทศจีน ประกอบกับการเก็บภาษีที่เอาเปรียบ ทำให้ชายชาวจีนจำนวนมากมุ่งสู่สยามเพื่อหางานและส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวในประเทศจีน ขณะนั้นชาวจีนจำนวนมากต้องจำยอมขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีเพาะปลูกของทางการ
       หากเราเอา พศ.เกิดของก๋งวิสุทธิ์พี่ชายคนโตของก๋งนิล ประมาณปี ในปี พ.ศ.2449 ลบด้วยอายุของ ตงซีกิว ประมาณ 20 ปี จะได้ พ.ศ.2329 ซึ่งน่าจะเป็นปีเกิดท่าน ซึ่งตรงกับช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2310)

       ตงซีกิวทำงานรับจ้างในกรุงเทพระยะหนึ่ง แล้วเดินทางไปรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ - นครราชสีมา ช่วงจาอำเภอสีคิ้วถึงโคราช  เหตุการณ์ตรงนี้น่าสงสารท่านมาก เพราะท่านถูกโจรชิงทรัพย์ ใช้ไม้ตีศรีษะอย่างแรงบาดเจ็บสาหัส  โชคดีที่มีฝรั่งควบคุมงานก่อสร้างช่วยไว้ได้และพามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองโคราชจนหายเป็นปกติดี  คิดดูแล้วถ้าไม่มีฝรั่งคนนี้ช่วยสงสัยท่านอาจจะเอาชีวิตมาทิ้งตอนนั้นแล้ว
       หลังออกจากโรงพยาบาล ตงซีกิว ได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างที่ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดของเถ้าแก่ชาวจีนในตัวเมืองโคราช และศึกษาประสบการณ์การค้าขายพร้อมมองหาลู่ทางการค้าของป่าจากพ่อค้าทั่วภาคอีสาน  สินค้าที่ตั้งใจจะจำหน่ายได้แก่ หนังสัตว์และหมากแหน่ง(ผลเร่วใช้ทำยาสมุนไพร)

          ปี พ.ศ.2445 ตงซีกิว ได้อพยพครอบครัวซึ่งมีภรรยา นางเปะ ศรีนครินทร์ สาวชาวโคราช แม่ยาย นางปาน และพี่น้องของนางเปะมาด้วย และกลายเป็นต้นตระกูล "ศรีนครินทร์"ในจังหวัดสกลนครต่อมา 

นางปาน แม่ยาย ตงซีกิว
        อาชีพที่ตงซีกิวทำครั้งแรกคือ เปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดและรับซื้อของป่า นับเป็นร้านค้าของคนจีนไหหลำยุคแรกในสกลนคร ต่อมาจึงมีชาวจีนมาเริ่มทำการค้าขายในสกลนครเพิ่มขึ้น ได้แก่ เจ็กใบ แซ่เตีย(พ่อของนายเต็ก ตีรสวัสดิชัย) เจ็กฮะเสือ  แซ่เตีย และร้าน แม่นุ่ม ต้นตระกูล วัฒนสุชาติ

นางเปะ ศรีนครินทร์ ภรรยา  ตงซีกิว
ลายมือที่เขียนในรูป  ลงชื่อว่า ทอ  ศรีนครรินทร์ 
(คงหมายถึงก๋งวิสุทธิ์ ตงศิริ ลูกชายคนโต)    

ชีวิตครอบครัว
                 
         ตงซีกิวแต่งงานกับนางเปะ  มีลูก 8 คน ดังนี้
         1.นายวิสุทธิ์  ตงศิริ  (ตงเค่งล้ง)
ครอบครัวก๋งวิสุทธิ์  ตงศิริ
 

ไพเราะ ตงศิริ

 
ประชา - อนงค์ ตงศิริ

ประชิต  ตงศิริ

นิสัย ตงศิริ
  (ที่เหลือนอกจากนี้ ยังไม่มีรูป  ต้องขออภัย...ได้รูปแล้วจะลงให้ครบ)

         2.ด.ช.กะต่า แซ่ตง (เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก)
         3.นายนิล  จงเจริญ (ตงเค่งพ่ง)


นิล จงเจริญ
          4.น.ส.ข่อง แซ่ตง   (เสียชีวิตที่เมืองจีน)
         5.นางกี  แซ่ตง
         6.นางลาน  แซ่ตง
         7.นายสว่าง  กุลดิลก
         8.นายประยุทธ(ฮวด) ตงศิริ
ประยุทธ (ฮวด) ตงศิริ

    


มีต่อยังไม่จบ


2 ความคิดเห็น:

  1. คำตอบ
    1. ขอให้มีความสุข สบายใจกาย ตลอดไปจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน เช่นกันครับ

      คิดถึงเสมอครับ

      ลบ