ตงซีคี เป็นคนจีนให่หนำจากหมู่บ้านกะตุ่ยโผซุย แปลว่า หมู่บ้านนกเขาเหิรบิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น หมู่บ้านเหวินซิวโผซุย แปลว่า หมู่บ้านนักปราชฌ์ เมืองเหวินชาง เกาะให่หนำ
คุณพ่อชื่อว่า ตงเย็กกี มีพี่น้อง ๓ คน ได้แก่ ตงซิคิว คนโต ตงซิคี คนกลาง และ ตงซิคิ่ว คนสุดท้องจากลำดับชั้นยศ ตงซิคี เป็นคนรุ่นที่ ๕ จากลำดับตระกูล ๑๐ ลำดับ ได้แก่
๑.บวั้น ๒.โห่ง ๓.เต็ง ๔.เย็ก ๕.ซี ๖.เค่ง ๗.กวง ๘.เหียน (เฮ็น) ๙.เสี่ยน ๑๐.เงี๊ยบ
ตงซีกิวและนางเปะ ศรีนครินทร์ ภรรยา
พี่ชายและพี่สะใภ้ของตงซีคี
![]() |
ตงซีคี |
ตงซีคิวนับว่าเป็นคนจีนใหหนำคนแรกที่มาอยู่ในสกลนคร คงเป็นด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ ตงซีคิว และ ตงซีคิ่ว น้องชายทั้งสองจากเมืองกะตุ่ยโพซุย หรือเมืองบุ้นติวโพซุย (เหวินซิวโผซุย) เกาะไหหลำเดินทางมาทำการค้าขายสร้างฐานะของตนเองบ้าง
ตงกวงอิ้ว หรือนายชาญยุทธ ตงศิริ
บ้านโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
ผู้ให้ข้อมูลนับถึงปี 2553 นี้ มีอายุย่างเข้า 87 ปี
ท่านเสียชีวิตแล้ว
คุณอาห่วนน้องสาวของตงเค่งเซ็งเล่าว่า ตงซีคีกับตงซีคิ่วมาจากเกาะใหหนำทางเรือที่ท่าเรือกรุงเทพมหานคร เข้าใจว่าเป็นท่าเรือคลองเตย
มาพักอยู่ที่โรงแรมเก้าชั้น แถวเยาวราช คงพักอยู่หลายวันจนได้ทราบข่าวและติดต่อตงซีคิวพี่ชายได้แล้ว ประกอบกับตอนนั้นตงซีคิวนำกองเกวียนคาราวานสินค้าลงไปขายที่กรุงเทพพอดี ทั้งสองท่านจึงได้เดินสะพายบั้งทิงเดินตามหลังกองเกวียนพี่ชายจากกรุงเทพมหานครมาจังหวัดสกลนคร นับระยะทางเกือบพันกิโลเมตรและหนทางเป็นป่าเขาในสมัยก่อนแล้ว นับว่าทั้งสองท่านคงต้องแกร่งและอดทนอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้น่าจะซึมในสายเลือดคนตงแทบจะทุกคนก็เป็นได้
เมื่อคาราวานกองเกวียนสินค้าของ ตงซีคิว เดินทางมาถึงสกลนคร ทั้ง ตงซีคีและตงซีคิ่ว ต่างก็ได้อาศัยพักอยู่กับพี่ชายคุ้มสี่แยกศรีนคร หรือธนาคารกรุงไทยเก่า คาดว่าคงทำการทำงานช่วยพี่ชาย คิดว่าคงอยู่นานมากพอสมควร
ช่วงเวลานี้แหละที่ ตงซีคี ได้เกิดต้องตาต้องใจ สาวย้อ ในคุ้มชื่อว่า นางสอน ศิริสานต์ เป็นที่แปลกใจว่า คนหนึ่งภาษาไทยพูดไม่ได้ซักคำ อีกคนก็ไม่รู้ภาษาจีนใหหนำเลยแล้วทำไมถึงส่งภาษากันรู้เรื่องก็ไม่ทราบ แต่เรื่องแบบนี้ มองตาก็รู้ใจ หรือจะใช้พ่อสื่อแม่สื่อก็ไม่รู้ ทำให้ทั้งสองปลูกต้นรักได้สำเร็จ และคิดว่า ตงซีคิวคงเป็นเถ้าแก่จัดงานแต่งงานให้น้องชายด้วย
คิดดูแล้ว ตงซีคิว ช่างมีบุญคุณกับลูกหลานด้วยความจริงใจอย่างที่สุด น่าจะทำอนุสาวรีย์ให้ท่าน ปัจจุบันนี้ ฮวงซุ้ยของท่านอยู่ที่หน้าวัดป่าสุทธาวาส ในเมืองสกลนคร ลูกหลานคนใดที่ไปไหว้พระที่วัดป่าสุทธาวาสก็เข้าไปกราบไหว้ท่านด้วยก็จะเป็นมงคลอย่างมาก
ในความเป็นจริง ญาติพี่น้องของนางสอนไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะคงเป็นห่วงที่ต้องมาแต่งงานกับคนจีนต่างด้าวใหหนำที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ฐานะไม่มีอะไร แต่คงด้วยความรักแท้ที่ทั้งสองมีต่อกัน อะไรก็ทัดทานไม่ได้ อาห่วนที่สนิทกับย่าสอนเล่าให้ฟังว่า คุณแม่คือนางสอนขัดใจญาติพี่น้องเรื่องการแต่งงานโมโหถึงขนาดแสดงอาการแบกกะทอเกลือทิ้งโครมครามใครห้ามไม่ฟัง จนสุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน
ตงเค่งเซ็ง ลูกชายของตงซีคี ซึ่งเป็นเดของผู้เขียนและได้เดินทางไปอาศัยอยู่ที่บ้านกะตุยโผ่หลายปีเล่าให้ฟังว่า...
ตงกวงอิ้ว อยู่บ้านโนนสะอาด อุดรธานี ท่านเคยอยู่ที่บ้านกะตุยโผ่ ใช้ชีวิตร่วมกันกับตงเค่งเซ็งว่า บ้านที่เมืองจีนของตงซีคีนั้นมีขนาดใหญ่ 3 คูณ 4 เมตร ก่ออิฐชั้นเดียวหลังคามุงกระเบื้อง อยู่ใกล้กันกับบ้านของ ตงซีคิว ซึ่งมีบึงน้ำขนาดใหญ่ปูปลาสัตว์น้ำเยอะแยะมากมายมีผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งเฝ้าอยู่ แต่ที่บ้านของตงซีคีมีผู้หญิงชราคนหนึ่งอยู่ด้วยและมี ตงกวงกิ้ม ลักษณะพิเศษคือ ตาเข มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ตงเค่งเซ็งอยู่ด้วยกัน ตงเค่งเซ็งอาเดของผู้เขียนตอนที่ไปเมืองจีนก็ไปอยู่กับแม่เมืองจีน เง็กลั้งนี้
ตอนผู้เขียนยังเด็กอาห่วนน้องสาวของ ตงเค่งเซ็ง เล่าให้ฟังว่า คุณย่าสอนเห็นตงซีคีได้รับจดหมายแล้วท่านเศร้าโศกเสียใจ คุณย่าสอนถามว่าเป็นอะไรหรือ ท่านบอกว่า ภรรยาที่เมืองจีนเสียแล้ว แสดงว่าท่านมีภรรยาที่เมืองจีนแล้ว 1 คน และมีลูกที่เกิดกับภรรยาเมืองจีน 3 คน
คนแรกเป็นผู้หญิงอยู่เมืองจีน
คนที่สองเป็นผู้ชายชื่อว่า ตงเค่งข่อง ภายหลังเข้ามาอยู่เมืองไทยที่อำเภอนาแกพร้อมกับตงซีคี
คนที่สามเป็นชายชื่อว่า ตงเค่งมุ่ย เข้ามาอยู่เมืองไทยกับตงซีคีที่อำเภอนาแกแต่งงานกับคุณยายวา คนธาตุพนม (เป็นพี่สาวของป้าซิ้มเอง พี่ทัดภรรยาอาเจ็กมา และอาเจ้ยังที่อำเภอนาแก )
นับหลังจากการแต่งงานผ่านไป ชีวิตนักสู้ผู้สร้างตำนานฝันของตงซีคีก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ตงซีคี กับ นางสอน ศิริสานต์ เริ่มสร้างฐานะจากสมอง สองมือและความขยันอดทน
สำหรับลูกหลาน แซ่ตงทุกคน มีคำพูดเปรียบเปรยอยู่คำหนึ่งที่ ตงเค่งเซ็ง อาเดของผู้เขียนเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ว่า ถ้าหากแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านของฝ่ายหญิง จะถือว่าเป็นผู้ชายใช้ไม่ได้ นอกจากจะอึดอัดในการไปอาศัยฝ่ายหญิงแล้ว ยังจะถูกตราหน้าว่า ไร้ความสามารถ เหตุนี้กระมังที่ทำให้ ตงซีคีกับนางสอน ศิริสานต์ ที่แต่งงานกันใหม่ จึงแยกครอบครัว ออกไปสร้างฐานะใหม่ ภาษาไทยใช้คำว่า ออกเรือน แต่ ผู้ไทออกสำเนียงว่า เอาะเฮิน
การออกเรือนแยกครอบครัวใหม่ของตงซีคี กับ นางสอนไม่ได้อาศัยสร้างฐานะอยู่ในสกลนคร แต่ไปอยู่สร้างฐานะที่อำเภอนาแก ขณะที่ ตงซีคิ่วกลับไปแต่งงานและสร้างฐานะครอบครัวอยู่ที่อำเภอโคกศรีสุพรรณ ธาตุพนม เรื่องนี้จากการคาดคะเนดูแล้ว คงเป็นวิสัยทัศน์ของก๋งใหญ่ ตงซีคิว ท่านวางแผนการชีวิตให้น้องชายท่านแน่ ๆ
![]() |
ตงเค่งเซ็ง |
แม่ราศรี พิละมาตร |