บัดนี้เป็นเรื่องเล่า ปวงเจ้าจงฟังคำขาน
ข้าจะเล่าเหตุการณ์ บรรพบุรุษมาจากแดนไกล
หากก่อนจะเล่าเรื่องนี้ ต้องพลีเวลาไว้ให้
อารัมภบทก่อนไซร้ ให้รู้ปฐมเหตุก่อนฤา
ข้าพเจ้าเป็นลูกชายคนสุดท้องที่ 13 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 14 คนของเด ตงเค่งเซ็ง กับนางราศรี พิละมาตย์ เคยนับดูแล้วมีพี่น้องมากที่สุดในอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ตอนเป็นเด็กมัก ขี้โรค งอแง อ่อนแอ เอาใจยากและโยเยร้องไห้เก่ง (นิดหน่อย) พี่ ๆ จึงพร้อมใจกันตั้งสมญานามว่า “หลวงน้ำย้อย” พี่จิ๋วกับพี่แจ๋วบอกว่า ตอนนอนแบเบาะในอู่ร้องไห้อย่างมาก จนพี่ทนไม่ไหว โมโหไกวอู่อย่างแรง จนตกอู่ลงมานอนเงียบเกือบตาย พอโตขึ้นมาอีกร้องงอแงต้องอุ้มคาบเอวตลอดเวลา วางลงไม่ได้ร้องทุกที จนเอวพี่สาวเป็นขี้กลาก สมญานามที่ได้รับก็สมควรอยู่
ตงเค่งเซ็ง หรือ นายเซ็ง ตงศิริ
คุณแม่ราศรี ตงศิริ ลูกสาวนายฮ้อยผ้าย พิละมาตย์ กับนางนารี วงศ์ตาหล้า
เคยเข้าประกวดนางงามรัฐธรรมนูญที่อำเภอนาแกถ่ายกับ ตงกวงตุ่ย (องค์ชาย 13)
ชื่อที่ใช้เรียกในหมู่ญาติพี่น้องเรียกว่า “บักตุ่ย” เตี่ยบอกว่าจริง ๆ ต้องเรียกว่า “กวงตุ่ย” ตามศักดิ์ที่นับมาจากธรรมเนียมจีนไหหลำ (ตอนต่อไปจะเล่าให้ฟัง ใจเย็น ๆ ) ตุ่ยหรือตุ้ยแปลว่า คู่ หรือสอง หรือ ความยุติธรรม เผอิญตอนเด็กผิวขาวอ้วนท้วนสมบูรณ์มาก เลยเป็นเหตุให้มีคำพ้องเสียงสำเนียงอิสาน ตุ้ยกับอ้วนเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ไปเจอพวกทะลึ่งมันกลับด่าว่า เหม็นตุ๊ยตุ่ย ก็ยังดีที่ไม่โยงไปหาคำว่า ตุ๋ย ที่หมายถึงพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน ก็พวกตุ๊ดนั่นแหละจะอะไรซะอีก พวกนี้ขอตั้งสมญาให้ว่าเป็น “สถานีบริการทางเพศฉุกเฉิน” หรือ “เพศที่พระเจ้าสร้างมาอย่างลังเล”
ตอนแรกเกิดได้ฟังจากปากแม่และเตี่ยว่าคลอดยาก เกือบตายทั้งแม่ทั้งลูก พยาบาลที่ทำคลอดให้ชื่อ คุณหมอรสสุคนธ์ (เป็นพยาบาลหรือผดุงครรภ์แต่คนบ้านนอกจะเรียกทุกคนที่ทำงานในโรงพยาบาลว่า หมอ ) หรือ หมอรส บอกว่า ให้เลือกว่าจะเลือกเอาแม่หรือลูกไว้ เดเลือกเอาแม่ แต่ทำบุญเก่าไว้เหลือเฟือมากมาย จำเป็นต้องเกิดมาใช้กรรม ทำให้รอดตายทั้งแม่และลูก แต่ก็กลายเป็นคนดังตั้งแต่แรกเกิดแล้ว เพราะมีสายแห่(สายรก)พันคอออกมาด้วย 3 รอบ ทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่กันมาดูเด็กประหลาดทั้งหมู่บ้าน และมีผู้ทำตัวเป็นหมอดูพยากรณ์ว่า ในอนาคตเด็กคนนี้ “ถ้าไม่ดี ต้องเลวอย่างสุดขีด” หลังจากกินข้าวหมดไปหลายกระสอบ หลายเล้าจนฟันขาวมือไม่มีขน พอโตขึ้นมาไม่เห็นว่าดีหรือเลวอย่างไร คงเดินทางไปตามกระแสกรรมทั้งสุขและทุกข์เป็นปกติของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ด้วยความที่เลี้ยงยากเหลือเกิน จะตีก็ไม่ได้เป็นไข้ขึ้นทุกที เตี่ยกับแม่เลยพาไปยกให้เป็นลูกของพระที่เคารพนับถือ คือ ญาถ่านเฟื้อย อินทสาโร เพื่อนคู่สวดหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม (ตอนหลังจะเล่าให้ฟัง) คราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะใครแตะไม่ได้ อ้างกับพี่ ๆ ว่าห้ามตีห้ามแกล้งนะ เพราะเป็นลูกพระลูกหล้า (ลูกพระลูกคนเล็ก) ถ้าใครแกล้งใครทำจะฟ้องเด เลยติดนิสัยกลายเป็นสันดานเอาใจตัวเองและดื้อแบบประหลาด ( อย่างยิ่ง…เดี๋ยวจะเล่าตอนต่อไป ก็มันมีหลายเรื่อง ) สันดานนี้เลยกลายมาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะง้อใครซักเท่าไร ปากไม่ค่อยดีหรือปากดียิ้มง่ายแต่รอจังหวะเอาคืนทีหลังอะไรประมาณนั้น แต่รักใครรักจริง หยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นที่สุด อันนี้ดูจะเป็นสันดานของพวกแซ่ตงทุกคน สันดานนี้เพิ่งจะมาหายตอนแก่แล้วนี่แหละ
หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เพื่อนคู่สวดหลวงตาเฟื้อย อินทสีโร
“เกิดมาเป็นคนแซ่ตง ให้รักกัน อย่าทิ้งกัน”
อย่าคิดบังเบียดใคร ด้วยวจีและกายา
จงสร้างแรงศรัทธา ให้เฟื่องฟุ้งกระเดื่องเมือง
เกิดมาเป็น “คนแซ่ตง” หยิ่งทนงให้ลื่อเลื่อง
น้ำใจหลั่งท่วมเมือง เพื่อศักดิ์ศรีพลีสู่ชน
จงสร้างแรงศรัทธา ให้เฟื่องฟุ้งกระเดื่องเมือง
เกิดมาเป็น “คนแซ่ตง” หยิ่งทนงให้ลื่อเลื่อง
น้ำใจหลั่งท่วมเมือง เพื่อศักดิ์ศรีพลีสู่ชน
อ่านตั้งนาน อารัมภกภากินเวลา(หน้ากระดาน)ไปหมดหน้าแล้ว กว่าจะรู้เรื่องคงหลายเดือนพะโล เนาะ
ตอบลบของดีต้องละเอียดหน่อย อย่าใจร้อน ฮ่าๆๆๆ
ตอบลบแซ่ตง ภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋ว ตือ แซ่เจ็ง
ตอบลบแซ่เดียวกับบรรพบุรุษฝ่ายแม่ผม
โลกทั้งผองก็พี่น้องกันครับ